
ศาลจังหวัดสกลนคร
ความเป็นมาของศาลจังหวัดสกลนครเท่าที่ค้นพบปรากฏตามหนังสือพงศาวดารเมืองสกลนครของพระบริบาลศุภกิจ (คำสาย ศิริขันธ์ ) ว่า
“ถึงปีมะเมีย ฉอศก จุลศักราช ๑๒๖๕ พระพุทธศักราช ๒๔๓๗ รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๓ ทางข้าราชการข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ โปรดเกล้าให้จ่าช่วงไฟประทีป วังซ้าย (ช่วง) มาเป็นข้าหลวงเมืองสกลนคร จ่าช่วงฯ ข้าหลวงจัดเปลี่ยนและเพิ่มระเบียบราชการตามรับสั่งข้าหลวงต่างพระองค์คือ
๑. จัดตั้งกรมเมือง กรมวัง กรมคลัง กรมนา ในเมืองสกลนครมี ๔ กรม พระวิชิตพลหาร
กรมเมืองคนเก่าลาออกจากตำแหน่งกรมเมือง จ่าช่วงฯ ข้าหลวงตั้งให้ท้าวขัตติยะ(ศีล) บุตรราชวงศ์(อิน)คนเก่าเป็นพระบุรีรักษ์กรมเมือง กรมเมืองมีหน้าที่ชำระตัดสินคดีถ้อยความแพ่งและอาญา ตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยทั่วไป ออกหนังสือเดินทางให้ราษฎรไปมาค้าขาย ฝ่ายอุปฮาดราชวงศ์ ราชบุตรผู้ช่วย ให้รวมกันเรียก กองยุติธรรม ทำหน้าที่ชำระความอุทธรณ์ที่ราษฎรอุทธรณ์กล่าวโทษ กองยุติธรรม เจ้าเมืองจะชำระตัดสินคดีอุทธรณ์ชั้นนี้ ให้ประชุมตั้งกรรมการ ๓ นาย ลงความเห็นชอบด้วยจึงเป็นคำตัดสินเด็ดขาดได้ ข้าหลวงเป็นผู้แนะนำข้าราชการทั่วไป ทุกกรม ทุกกอง และเมืองขึ้น เมืองสกลนครทำให้อนุโลมจัดวางระเบียบการเหมือนกันอย่างเมืองสกลนคร แต่ต้องกระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติข้าหลวงผู้ว่าราชการเมืองสกลนครแล้ว
๒. การจัดระเบียบการปกครอง ซึ่งรวมทั้งการพิจารณาพิพากษาคดีของข้าหลวงเมืองสกลนคร ก่อนการจัดรวมศาลต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๘ มีการจัดระเบียบศาลต่าง ๆ ให้อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมโดยมีการประกาศใช้พระธรรมนูญ ศาลหัวเมือง ร.ศ.๑๑๔ จัดตั้งศาลหัวเมืองเป็นศาลมณฑล ศาลเมืองและศาลจังหวัดกำหนดให้ศาลสกลนครขึ้นอยู่กับศาลมณฑลอุดรธานี ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ต่อมาประกาศกระทรวงยุติธรรมเปลี่ยนชื่อศาลเมืองสกลนครอีกหลายครั้งตามการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมืองสกลนคร กล่าวคือ
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๕ เปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลบริเวณสกลนคร” โดยมีพระบริบาลศุภกิจ(คำสาย ศิริขันธ์) ทำหน้าที่ผู้พิพากษา นายมากทำหน้าที่ผู้พิพากษารอง พระพิทักษ์ฐานกิจ ทำหน้าที่พระธำมรง และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อกลับเป็น “ศาลเมืองสกลนคร” อีกครั้ง
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๙ เปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลจังหวัดสกลนคร” มีขุนทิพยสุภาเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล โดยเป็นศาลที่ขึ้นกับสำนักงานข้าหลวงยุติธรรมภาค ๓ ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
และเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งแยกศาลต่าง ๆ ออกเป็น ๙ ภาค ศาลจังหวัดสกลนครถูกแบ่งให้ขึ้นอยู่กับสำนักงานข้าหลวงยุติธรรมภาค ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีในปีเดียวกันนั้นเองได้เปลี่ยนชื่อตำแหน่งข้าหลวงยุติธรรมให้เป็นอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๔ และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ มีพระราชกฤษฎีกาย้ายสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๔ ไปตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบัน
อาคารศาลจังหวัดสกลนคร หลังแรกจะมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ไม่อาจหาหลักฐานได้ คงได้ความเพียงว่าเป็นอาคารเรือนไม้ชั้นเดียว มุงด้วยหญ้าแฝก ตั้งอยู่หลังอาคารศาลากลางจังหวัดสกลนครหลังเดิม (สนามมิ่งเมืองปัจจุบัน) ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ พระยาสกลกิจวิจารณ์ปลัดมณฑลประจำเมืองสกลนครได้จัดสร้างศาลากลาง บ้านพักเจ้าเมืองศาล และเรือนเก็บพัสดุของศาลขึ้นใหม่ โดยอาคารศาลเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว รูปปั้นหยา ใต้ถุนเตี้ย หลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้ กว้างยาวประมาณด้านละ ๖ วา มีมุขตรงกลาง มีบันไดขึ้นสองข้างมุข ภายในใช้ฉากกั้นเป็นห้องพิจารณา ๒ ห้อง โดยสร้างขึ้นบริเวณใกล้ ๆ กับอาคารศาลหลังแรกคือบริเวณคูน้ำติดรั้วด้านทิศตะวันออกของบ้านพักผู้พิพากษาหัวหน้าศาลขณะนั้น (ปัจจุบันข้างสนามมิ่งเมือง) ส่วนเรือนเก็บพัสดุของศาลตั้งอยู่ด้านหลังอาคารศาล มีขนาดกว้าง ๒ วา ๒ ศอก ยาว ๓ วา ๓ ศอก พื้นฝากระดาน หลังคามุงกระเบื้องไม้ ระหว่างอาคารศาลกับเรือนเก็บพัสดุมีชนาดกว้าง ๒ เมตร ใช้เดินถึงกันได้ การก่อสร้าง ขอแรงราษฎรร่วมกันสร้างขึ้นโดยมิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเลย อาคารหลังดังกล่าวจึงเป็นอาคาร หลังที่ ๒ และถูกใช้เรื่อยมาแต่เนื่องจากมีคดีเพิ่มขึ้นมากห้องพิจารณาซึ่งมีเพียง ๒ ห้อง ไม่เพียงพอจึงได้ใช้ฉากกั้นด้านหลังเป็นห้องพิจารณาเล็ก ๆ อีก ๑ ห้อง
อาคารศาลหลังนี้ได้ใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๓ เนื่องจากมีสภาพเก่าและชำรุดทรุดโทรมมาก ทั้งคับแคบไม่สะดวกต่อการมาปฏิบัติราชการ แม้จะเคยซ่อมแซมหลายครั้งแต่ก็เพียงประทังไปได้ชั่วคราว ต่อมากระทรวงยุติธรรมได้รับงบประมาณจำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท สร้างอาคารศาลหลังใหม่ขึ้น เป็นอาคารเรือนไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง หลังคามุงกระเบื้องซีเมนต์ กว้าง ๘ เมตร ยาว ๓๒ เมตร มีมุขยื่นทางด้านหลังกว้าง ๔ เมตร ยาว ๖ เมตร ไว้เป็นห้องทำงานของผู้พิพากษา ๒ ห้อง ทางปีกซ้ายและปีกขวา ห้องทำงานของข้าราชการธุรการอยู่ตรงกลาง แต่เนื่องจากสถานที่ตั้งอาคารเดิมคับแคบไม่เหมาะสม จึงย้ายไปสร้างบนที่ดินราชพัสดุเนื้อที่๑๓ ไร่เศษ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของเรือนจำจังหวัดสกลนคร (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงเรียนเทศบาล๓ ยุติธรรมวิทยา)ห่างจากอาคารศาลเดิมประมาณ ๑๕ เส้น ต่อมาได้รับงบประมาณเพิ่มเติมเป็นค่าถมดิน ๑๖,๔๐๐ บาท ค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๒๑๙,๔๐๐ บาท โดยพระนิติธรรมประกรณ์ ข้าหลวงยุติธรรม ภาค ๓ เป็นประธาน แม้จะได้รับงบประมาณเพิ่มเติมและจัดทำห้องเพิ่มเติมขึ้น แต่ก็ยังคับแคบไม่สะดวกต่อการมาปฏิบัติราชการ จึงแบ่งกั้นห้องทำงานของข้าราชการธุรการเป็นห้องพิจารณาเล็ก ๆ อีก ๑ ห้อง
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ กระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติเงินงบประมาณจัดสร้างอาคารศาลหลังใหม่ขึ้นเป็นอาคารตึกทรงไทย ๒ ชั้น ขนาด ๔ บัลลังก์ กว้าง ๘.๕๐ เมตร ยาว ๔๘.๒๐ เมตร มีมุขด้านหลัง กว้าง ๔.๒๐ เมตร ยาว ๘ เมตร จัดสร้างขึ้นบนที่ดินจังหวัดสงวนไว้ใช้เป็นศูนย์ราชการ มีห้องพิจารณา ๔ ห้องบนชั้น ๒ ปีกซ้ายและปีกขวาข้างละ ๒ ห้องมุขด้านหลังชั้นล่างใช้เป็นห้องเก็บสำนวน ชั้นล่างปีกขวาใช้เป็นห้องทำงานของข้าราชการธุรการ ส่วนปีกซ้ายใช้เป็นห้องควบคุมผู้ต้องหา และห้องพักพยาน ทนายความและพนักงานอัยการ โดยว่าจ้างบริษัทสหพันธ์ก่อสร้างจำกัด ทำการก่อสร้างในราคา ๑,๕๙๘,๐๐๐ บาท มีนายกำธร พันธุลาภ ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๐๙ และพระยาอรรถการีย์นิพนธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๐ นับเป็นอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสกลนครหลังที่ ๔ ซึ่งใช้อยู่จนกระทั่งปัจจุบัน ส่วนอาคารหลังเดิม (หลังที่ ๓ ข้างเรือนจำจังหวัดสกลนคร) กระทรวงยุติธรรมได้มอบให้เทศบาลเมืองสกลนครใช้เป็นที่ตั้งโรงเรียนเทศบาลและทางเทศบาลเมืองสกลนครตั้งชื่อโรงเรียนดังกล่าวว่า“โรงเรียนเทศบาล ๓ ยุติธรรมวิทยา” เพื่อเป็นการระลึกถึงกระทรวงยุติธรรมเจ้าของเดิม
อาคารที่ทำการศาลจังหวัดสกลนครหลังนี้ได้ถูกใช้เรื่อยมา แต่เนื่องจากมีคดีที่เพิ่มขึ้นมากทั้งห้องพิจารณาที่มีอยู่ทั้ง ๔ ห้อง ก็ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้พิพากษา จึงมีการกั้นห้องพักพยาน ทนายความและพนักงานอัยการเป็นห้องพิจารณาห้องที่ ๕ อีก ๑ ห้อง ครั้นเมื่อใช้ต่อมาเป็นเวลานานชำรุดทรุดโทรม ในปี พ.ศ.๒๕๓๑ กระทรวงยุติธรรมได้จัดสรรงบประมาณซ่อมแซมอาคารที่ทำการศาลใหม่ทั้งหมดพร้อมกับก่อสร้างอาคารเรือนแถวที่พักของข้าราชการระดับ ๓ - ๔ จำนวน ๒ หลัง ขนาด ๑๒ หน่วย โดยว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดเอกชัยก่อสร้างดำเนินการในราคา ๕,๙๓๖,๘๐๐ บาท นอกจากทำการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมแล้วยังแบ่งกั้นห้องพักพยาน ทนายความและพนักงานอัยการเป็นห้องเก็บสำนวนดำอีก ๑ ห้อง เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนคดีที่เพิ่มมากขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๓ สำนักงานส่งเสริมงาน ตุลาการ จัดตั้งสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสกลนครตรงบริเวณห้องควบคุมผู้ต้องขังเดิม ในปี พ.ศ.๒๕๓๘ ศาลจังหวัดสกลนคร ได้ผู้พิพากษาเพิ่ม ๑ ท่าน รวมเป็น ๖ ท่าน จึงได้จัดทำโครงการปรับปรุงห้องสมุดเป็นห้องพิจารณา ๑ ห้อง เพื่อให้ครบตามจำนวนผู้พิพากษา และขอให้กองออกแบบและก่อสร้างกระทรวงยุติธรรมพิจารณาต่อเติมอาคารศาลออกทางด้านทิศใต้เนื่องจากอาคารเดิมคับแคบ ไม่เพียงพอกับข้าราชการและปริมาณงานที่มีอยู่นอกจากนี้ยังได้ผู้พิพากษาเพิ่มอีก ๑ ท่าน รวมเป็น ๗ ท่าน ต่อมาศาลจังหวัดสกลนคร ได้รับงบประมาณในการต่อเติมสร้างอาคารใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๙ จำนวน ๓๙ ล้านบาท โดยก่อสร้างเป็นอาคารตึกทรงไทยประยุกต์ ๓ ชั้น ชั้นที่ ๑ เป็นห้องควบคุมผู้ต้องขัง ห้องเก็บสำนวน ห้องเก็บพัสดุ และห้องเก็บทรัพย์สิน ชั้นที่ ๒ เป็นห้องพิจารณาคดีจำนวน ๔ ห้อง ชั้นที่ ๓ เป็นห้องพักผู้พิพากษา ห้องประชุม ห้องสมุด และสำนักงานบังคับคดีจังหวัดสกลนคร ได้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จและส่งมอบงานเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ และได้ผู้พิพากษาเพิ่มอีก ๒ ท่าน รวม ๙ ท่าน ต่อมาศาลจังหวัดสกลนครได้รับเงินตามโครงการภายใต้มาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปรับปรุงห้องขัง ห้องน้ำ ในห้องขัง จำนวน ๔๔๗,๔๔๐ บาท เริ่มดำเนินการปรับปรุงห้องขังตั้งแต่วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ แล้วเสร็จและได้ส่งมอบงานเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๒
นอกจากนี้ศาลจังหวัดสกลนครได้รับจัดสรรเงินโครงการพัฒนาอาคารสถานที่สำหรับบริการประชาชนแบบ E๔ และ ได้ตกลงว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดสกลรุ่งเรืองกิจวิศวกรรมดำเนินการก่อสร้างศาลาที่พักประชาชน ๑ หลัง เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ จนแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๓ ทำให้การปฏิบัติงานของผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ เกิดความคล่องตัวเพิ่มขึ้น และในปีงบประมาณ ๒๕๔๘ ได้รับงบประมาณปรับปรุงโรงจอดรถศาล เป็นเงินจำนวน ๓๓๗,๐๐๐ บาท และงบปรับปรุงป้ายศาลจังหวัดสกลนคร จำนวน ๑๙๖,๐๐๐บาท เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๔๙ และศาลจังหวัดสกลนครได้รับมอบหมายจากสำนักงานศาลยุติธรรม ให้จัดซื้อครุภัณฑ์ให้แก่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสกลนคร เป็นเงิน ๙๔๒,๐๐๐ บาท และได้รับงบประมาณปรับปรุงอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสกลนคร บางส่วนเป็นที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสกลนคร จำนวน ๑,๐๑๔,๔๐๐ บาท เริ่มดำเนินการเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ และสำนักงานศาลยุติธรรมโดยศาลจังหวัดสกลนครได้ทำสัญญาจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด สกลรุ่งเรืองกิจ วิศวกรรม ให้เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการจำนวน ๑๒ หน่วย และอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการศาลยุติธรรม จำนวน ๒๔ หน่วยพร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบศาลจังหวัดสกลนคร และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสกลนคร ตามสัญญาเลขที่ ๕๒/๕๕๒ ลงวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๒ เป็นเงิน ๖๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท (หกสิบสี่ล้านสามแสนบาทถ้วน) ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๓