Accessibility Tools

ศาลจังหวัดสกลนคร Sakon Nakhon Provincial Court
เบอร์โทรศัพท์ 042711766 , 042711833 , 042704071 , 042712811 

เกี่ยวกับหน่วยงาน
image

ศาลจังหวัดสกลนคร

ประวัติความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไปของหน่วยงานimage

 

ความเป็นมาของศาลจังหวัดสกลนครเท่าที่ค้นพบปรากฏตามหนังสือพงศาวดารเมืองสกลนครของพระบริบาลศุภกิจ  (คำสาย  ศิริขันธ์ )  ว่า

                   “ถึงปีมะเมีย  ฉอศก  จุลศักราช  ๑๒๖๕  พระพุทธศักราช ๒๔๓๗  รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๓ ทางข้าราชการข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ โปรดเกล้าให้จ่าช่วงไฟประทีป วังซ้าย (ช่วง) มาเป็นข้าหลวงเมืองสกลนคร จ่าช่วงฯ ข้าหลวงจัดเปลี่ยนและเพิ่มระเบียบราชการตามรับสั่งข้าหลวงต่างพระองค์คือ

๑.  จัดตั้งกรมเมือง กรมวัง  กรมคลัง  กรมนา  ในเมืองสกลนครมี ๔ กรม พระวิชิตพลหาร
กรมเมืองคนเก่าลาออกจากตำแหน่งกรมเมือง จ่าช่วงฯ ข้าหลวงตั้งให้ท้าวขัตติยะ(ศีล) บุตรราชวงศ์(อิน)คนเก่าเป็นพระบุรีรักษ์กรมเมือง  กรมเมืองมีหน้าที่ชำระตัดสินคดีถ้อยความแพ่งและอาญา ตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยทั่วไป ออกหนังสือเดินทางให้ราษฎรไปมาค้าขาย  ฝ่ายอุปฮาดราชวงศ์ ราชบุตรผู้ช่วย ให้รวมกันเรียก กองยุติธรรม ทำหน้าที่ชำระความอุทธรณ์ที่ราษฎรอุทธรณ์กล่าวโทษ กองยุติธรรม เจ้าเมืองจะชำระตัดสินคดีอุทธรณ์ชั้นนี้ ให้ประชุมตั้งกรรมการ ๓ นาย ลงความเห็นชอบด้วยจึงเป็นคำตัดสินเด็ดขาดได้ ข้าหลวงเป็นผู้แนะนำข้าราชการทั่วไป ทุกกรม ทุกกอง และเมืองขึ้น เมืองสกลนครทำให้อนุโลมจัดวางระเบียบการเหมือนกันอย่างเมืองสกลนคร แต่ต้องกระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติข้าหลวงผู้ว่าราชการเมืองสกลนครแล้ว

                   ๒. การจัดระเบียบการปกครอง ซึ่งรวมทั้งการพิจารณาพิพากษาคดีของข้าหลวงเมืองสกลนคร  ก่อนการจัดรวมศาลต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๘ มีการจัดระเบียบศาลต่าง ๆ ให้อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมโดยมีการประกาศใช้พระธรรมนูญ ศาลหัวเมือง ร.ศ.๑๑๔ จัดตั้งศาลหัวเมืองเป็นศาลมณฑล ศาลเมืองและศาลจังหวัดกำหนดให้ศาลสกลนครขึ้นอยู่กับศาลมณฑลอุดรธานี ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ต่อมาประกาศกระทรวงยุติธรรมเปลี่ยนชื่อศาลเมืองสกลนครอีกหลายครั้งตามการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมืองสกลนคร  กล่าวคือ

                   เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๕ เปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลบริเวณสกลนคร” โดยมีพระบริบาลศุภกิจ(คำสาย ศิริขันธ์) ทำหน้าที่ผู้พิพากษา  นายมากทำหน้าที่ผู้พิพากษารอง พระพิทักษ์ฐานกิจ ทำหน้าที่พระธำมรง  และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อกลับเป็น   “ศาลเมืองสกลนคร”  อีกครั้ง

                   เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๙ เปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลจังหวัดสกลนคร” มีขุนทิพยสุภาเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล โดยเป็นศาลที่ขึ้นกับสำนักงานข้าหลวงยุติธรรมภาค ๓ ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา

                   และเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙  ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งแยกศาลต่าง ๆ ออกเป็น ๙  ภาค ศาลจังหวัดสกลนครถูกแบ่งให้ขึ้นอยู่กับสำนักงานข้าหลวงยุติธรรมภาค  ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีในปีเดียวกันนั้นเองได้เปลี่ยนชื่อตำแหน่งข้าหลวงยุติธรรมให้เป็นอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๔  และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๘   มีพระราชกฤษฎีกาย้ายสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๔ ไปตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบัน

                     อาคารศาลจังหวัดสกลนคร หลังแรกจะมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ไม่อาจหาหลักฐานได้  คงได้ความเพียงว่าเป็นอาคารเรือนไม้ชั้นเดียว มุงด้วยหญ้าแฝก ตั้งอยู่หลังอาคารศาลากลางจังหวัดสกลนครหลังเดิม (สนามมิ่งเมืองปัจจุบัน) ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ พระยาสกลกิจวิจารณ์ปลัดมณฑลประจำเมืองสกลนครได้จัดสร้างศาลากลาง บ้านพักเจ้าเมืองศาล และเรือนเก็บพัสดุของศาลขึ้นใหม่  โดยอาคารศาลเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว รูปปั้นหยา ใต้ถุนเตี้ย หลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้ กว้างยาวประมาณด้านละ ๖ วา มีมุขตรงกลาง มีบันไดขึ้นสองข้างมุข  ภายในใช้ฉากกั้นเป็นห้องพิจารณา ๒ ห้อง โดยสร้างขึ้นบริเวณใกล้  ๆ  กับอาคารศาลหลังแรกคือบริเวณคูน้ำติดรั้วด้านทิศตะวันออกของบ้านพักผู้พิพากษาหัวหน้าศาลขณะนั้น (ปัจจุบันข้างสนามมิ่งเมือง) ส่วนเรือนเก็บพัสดุของศาลตั้งอยู่ด้านหลังอาคารศาล มีขนาดกว้าง  ๒ วา ๒  ศอก  ยาว  ๓ วา ๓  ศอก  พื้นฝากระดาน หลังคามุงกระเบื้องไม้   ระหว่างอาคารศาลกับเรือนเก็บพัสดุมีชนาดกว้าง ๒ เมตร  ใช้เดินถึงกันได้  การก่อสร้าง    ขอแรงราษฎรร่วมกันสร้างขึ้นโดยมิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเลย  อาคารหลังดังกล่าวจึงเป็นอาคาร  หลังที่ ๒ และถูกใช้เรื่อยมาแต่เนื่องจากมีคดีเพิ่มขึ้นมากห้องพิจารณาซึ่งมีเพียง ๒ ห้อง ไม่เพียงพอจึงได้ใช้ฉากกั้นด้านหลังเป็นห้องพิจารณาเล็ก ๆ อีก  ๑  ห้อง

                   อาคารศาลหลังนี้ได้ใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๓  เนื่องจากมีสภาพเก่าและชำรุดทรุดโทรมมาก ทั้งคับแคบไม่สะดวกต่อการมาปฏิบัติราชการ แม้จะเคยซ่อมแซมหลายครั้งแต่ก็เพียงประทังไปได้ชั่วคราว  ต่อมากระทรวงยุติธรรมได้รับงบประมาณจำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท สร้างอาคารศาลหลังใหม่ขึ้น เป็นอาคารเรือนไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง หลังคามุงกระเบื้องซีเมนต์ กว้าง ๘ เมตร ยาว ๓๒ เมตร  มีมุขยื่นทางด้านหลังกว้าง ๔ เมตร ยาว  ๖ เมตร ไว้เป็นห้องทำงานของผู้พิพากษา ๒ ห้อง ทางปีกซ้ายและปีกขวา ห้องทำงานของข้าราชการธุรการอยู่ตรงกลาง   แต่เนื่องจากสถานที่ตั้งอาคารเดิมคับแคบไม่เหมาะสม จึงย้ายไปสร้างบนที่ดินราชพัสดุเนื้อที่๑๓ ไร่เศษ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของเรือนจำจังหวัดสกลนคร (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงเรียนเทศบาล๓ ยุติธรรมวิทยา)ห่างจากอาคารศาลเดิมประมาณ ๑๕ เส้น ต่อมาได้รับงบประมาณเพิ่มเติมเป็นค่าถมดิน ๑๖,๔๐๐ บาท ค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๒๑๙,๔๐๐ บาท  โดยพระนิติธรรมประกรณ์ ข้าหลวงยุติธรรม ภาค ๓ เป็นประธาน แม้จะได้รับงบประมาณเพิ่มเติมและจัดทำห้องเพิ่มเติมขึ้น แต่ก็ยังคับแคบไม่สะดวกต่อการมาปฏิบัติราชการ จึงแบ่งกั้นห้องทำงานของข้าราชการธุรการเป็นห้องพิจารณาเล็ก ๆ อีก ๑ ห้อง

                  เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙  กระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติเงินงบประมาณจัดสร้างอาคารศาลหลังใหม่ขึ้นเป็นอาคารตึกทรงไทย ๒ ชั้น ขนาด ๔ บัลลังก์ กว้าง ๘.๕๐ เมตร ยาว ๔๘.๒๐ เมตร มีมุขด้านหลัง กว้าง ๔.๒๐ เมตร ยาว ๘  เมตร จัดสร้างขึ้นบนที่ดินจังหวัดสงวนไว้ใช้เป็นศูนย์ราชการ มีห้องพิจารณา ๔ ห้องบนชั้น ๒ ปีกซ้ายและปีกขวาข้างละ ๒ ห้องมุขด้านหลังชั้นล่างใช้เป็นห้องเก็บสำนวน  ชั้นล่างปีกขวาใช้เป็นห้องทำงานของข้าราชการธุรการ ส่วนปีกซ้ายใช้เป็นห้องควบคุมผู้ต้องหา และห้องพักพยาน  ทนายความและพนักงานอัยการ โดยว่าจ้างบริษัทสหพันธ์ก่อสร้างจำกัด ทำการก่อสร้างในราคา  ๑,๕๙๘,๐๐๐  บาท  มีนายกำธร  พันธุลาภ  ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๐๙ และพระยาอรรถการีย์นิพนธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๖  กุมภาพันธ์ ๒๕๑๐ นับเป็นอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสกลนครหลังที่ ๔ ซึ่งใช้อยู่จนกระทั่งปัจจุบัน ส่วนอาคารหลังเดิม (หลังที่ ๓ ข้างเรือนจำจังหวัดสกลนคร) กระทรวงยุติธรรมได้มอบให้เทศบาลเมืองสกลนครใช้เป็นที่ตั้งโรงเรียนเทศบาลและทางเทศบาลเมืองสกลนครตั้งชื่อโรงเรียนดังกล่าวว่า“โรงเรียนเทศบาล ๓ ยุติธรรมวิทยา” เพื่อเป็นการระลึกถึงกระทรวงยุติธรรมเจ้าของเดิม

                   อาคารที่ทำการศาลจังหวัดสกลนครหลังนี้ได้ถูกใช้เรื่อยมา แต่เนื่องจากมีคดีที่เพิ่มขึ้นมากทั้งห้องพิจารณาที่มีอยู่ทั้ง ๔ ห้อง  ก็ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้พิพากษา จึงมีการกั้นห้องพักพยาน ทนายความและพนักงานอัยการเป็นห้องพิจารณาห้องที่ ๕  อีก ๑ ห้อง ครั้นเมื่อใช้ต่อมาเป็นเวลานานชำรุดทรุดโทรม  ในปี พ.ศ.๒๕๓๑ กระทรวงยุติธรรมได้จัดสรรงบประมาณซ่อมแซมอาคารที่ทำการศาลใหม่ทั้งหมดพร้อมกับก่อสร้างอาคารเรือนแถวที่พักของข้าราชการระดับ ๓ - ๔  จำนวน ๒ หลัง  ขนาด  ๑๒  หน่วย  โดยว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดเอกชัยก่อสร้างดำเนินการในราคา ๕,๙๓๖,๘๐๐ บาท นอกจากทำการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมแล้วยังแบ่งกั้นห้องพักพยาน ทนายความและพนักงานอัยการเป็นห้องเก็บสำนวนดำอีก ๑ ห้อง เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนคดีที่เพิ่มมากขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๓ สำนักงานส่งเสริมงาน ตุลาการ   จัดตั้งสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสกลนครตรงบริเวณห้องควบคุมผู้ต้องขังเดิม ในปี พ.ศ.๒๕๓๘ ศาลจังหวัดสกลนคร  ได้ผู้พิพากษาเพิ่ม ๑ ท่าน รวมเป็น ๖ ท่าน   จึงได้จัดทำโครงการปรับปรุงห้องสมุดเป็นห้องพิจารณา  ๑ ห้อง  เพื่อให้ครบตามจำนวนผู้พิพากษา  และขอให้กองออกแบบและก่อสร้างกระทรวงยุติธรรมพิจารณาต่อเติมอาคารศาลออกทางด้านทิศใต้เนื่องจากอาคารเดิมคับแคบ  ไม่เพียงพอกับข้าราชการและปริมาณงานที่มีอยู่นอกจากนี้ยังได้ผู้พิพากษาเพิ่มอีก ๑ ท่าน รวมเป็น ๗ ท่าน  ต่อมาศาลจังหวัดสกลนคร ได้รับงบประมาณในการต่อเติมสร้างอาคารใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๙  จำนวน ๓๙ ล้านบาท โดยก่อสร้างเป็นอาคารตึกทรงไทยประยุกต์ ๓ ชั้น ชั้นที่ ๑ เป็นห้องควบคุมผู้ต้องขัง ห้องเก็บสำนวน ห้องเก็บพัสดุ และห้องเก็บทรัพย์สิน  ชั้นที่ ๒ เป็นห้องพิจารณาคดีจำนวน ๔ ห้อง  ชั้นที่ ๓ เป็นห้องพักผู้พิพากษา ห้องประชุม ห้องสมุด และสำนักงานบังคับคดีจังหวัดสกลนคร ได้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จและส่งมอบงานเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ และได้ผู้พิพากษาเพิ่มอีก ๒ ท่าน  รวม ๙ ท่าน  ต่อมาศาลจังหวัดสกลนครได้รับเงินตามโครงการภายใต้มาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  ปรับปรุงห้องขัง ห้องน้ำ  ในห้องขัง จำนวน ๔๔๗,๔๔๐ บาท  เริ่มดำเนินการปรับปรุงห้องขังตั้งแต่วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ แล้วเสร็จและได้ส่งมอบงานเมื่อวันที่ ๒๖  ตุลาคม  ๒๕๔๒

                   นอกจากนี้ศาลจังหวัดสกลนครได้รับจัดสรรเงินโครงการพัฒนาอาคารสถานที่สำหรับบริการประชาชนแบบ E๔  และ ได้ตกลงว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดสกลรุ่งเรืองกิจวิศวกรรมดำเนินการก่อสร้างศาลาที่พักประชาชน ๑ หลัง เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม  ๒๕๔๒  จนแล้วเสร็จ  เมื่อวันที่   ๒๘  มกราคม ๒๕๔๓ ทำให้การปฏิบัติงานของผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ เกิดความคล่องตัวเพิ่มขึ้น และในปีงบประมาณ ๒๕๔๘ ได้รับงบประมาณปรับปรุงโรงจอดรถศาล  เป็นเงินจำนวน ๓๓๗,๐๐๐ บาท และงบปรับปรุงป้ายศาลจังหวัดสกลนคร จำนวน ๑๙๖,๐๐๐บาท เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๔๙ และศาลจังหวัดสกลนครได้รับมอบหมายจากสำนักงานศาลยุติธรรม ให้จัดซื้อครุภัณฑ์ให้แก่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสกลนคร เป็นเงิน ๙๔๒,๐๐๐ บาท และได้รับงบประมาณปรับปรุงอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสกลนคร บางส่วนเป็นที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสกลนคร จำนวน ๑,๐๑๔,๔๐๐ บาท เริ่มดำเนินการเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ และสำนักงานศาลยุติธรรมโดยศาลจังหวัดสกลนครได้ทำสัญญาจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด สกลรุ่งเรืองกิจ วิศวกรรม ให้เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการจำนวน ๑๒ หน่วย และอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการศาลยุติธรรม จำนวน ๒๔ หน่วยพร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบศาลจังหวัดสกลนคร และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสกลนคร ตามสัญญาเลขที่ ๕๒/๕๕๒ ลงวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๒ เป็นเงิน ๖๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท (หกสิบสี่ล้านสามแสนบาทถ้วน) ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อวันที่  ๑๙  เมษายน  ๒๕๕๓